จำนองกับธนาคาร หรือ จำนองกับนายทุน ดีกว่ากัน?

จำนองกับธนาคาร หรือ จำนองกับนายทุน ดีกว่ากัน?

จำนอง เป็นการกู้เงิน หรือขอสินเชื่อโดยมีหลักทรัพย์ประกัน จากธนาคารหรือสถาบันการเงิน หรือกู้เงินนอกระบบ กู้เงินจากเอกชน หรือนายทุน ก็ได้ ซึ่งการกู้เงินจากทั้งสองแบบนี้ต้องทำสัญญาที่ สำนักงานที่ดิน และมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ขึ้นกับข้อตกลงของทั้ง 2 ฝ่าย

เรามาดูกันดีกว่าว่าความแตกต่างของการจำนองกับสถาบันการเงิน และจำนองกับนายทุนนั้น ต่างกันอย่างไร และมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง

    กรณีจำนองกับสถาบันการเงิน มีขั้นตอนที่แต่ละสถาบันการเงินกำหนดไว้ ตั้งแต่เตรียมเอกสาร ยื่นขอสินเชื่อ รออนุมัติ นัดทำสัญญา ซึ่งขั้นตอนต่างๆ ใช้เวลานานพอสมควร อาจเป็นเดือน หรือหลายเดือน หรือเมื่อรอแล้วคุณสมบัติอาจไม่เพียงพอแก่การอนุมัติสินเชื่อก็เป็นไปได้ ส่วนการจำนองกับนายทุนนั้น แค่แจ้งว่าหลักทรัพย์เป็นอะไร อยู่ที่ไหน ใช้เงินเท่าไร หากมีความเป็นไปได้ ก็นัดกันดูหลักทรัพย์ แล้วไปทำการจดจำนองที่ สำนักงานที่ดินได้ทันที ซึ่งดำเนินการเสร็จภายในวันเดียวได้ ซึ่งนี่เป็นจุดแข็งของ การจำนองกับนายทุน
    การจำนองกับสถาบันการเงิน ก็ต้องแข่งขันกันเองในการปล่อยสินเชื่อโดยมีเรื่องอัตราดอกเบี้ยเป็นข้อจูงใจ ดังนั้นแน่นอนอัตราดอกเบี้ยสถาบันการเงินต่ำกว่าจำนองกับนายทุน
    วงเงินที่ได้จากการจำนองกับบุคคล หรือนายทุน จะได้ประมาณ 30% หรือขึ้นกับความไว้เนื้อเชื่อใจ และการพิจารณาของนายทุน ส่วนการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน ก็แล้วแต่นโยบาย หรืออยู่ในช่วงเวลาที่แต่ละสถาบันการเงินกำหนด และทำการตลาดของแต่ละสถาบันการเงิน ณ.ช่วงเวลานั้น
    การจำนอง หากผู้กู้ไม่ชำระหนี้ เจ้าหนี้ต้องบังคับจำนองโดยการร้องต่อศาลให้สั่งยึดทรัพย์ไปขายทอดตลาด แล้วนำเงินที่ขายได้มาคืนหนี้ที่จำนอง ซึ่งต้องใช้เวลา และขั้นตอนตามกฎหมาย ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ทำให้นายทุนไม่นิยมทำกัน เพราะกว่าจะได้เงินคืนกลับมา ต้องใช้เวลานานนั่นเอง

โดยสรุปก็คือ จำนองกับนายทุนมีโอกาสผ่านง่ายกว่า ได้รับเงินไวกว่า จำนองผ่านสถาบันการเงิน แต่อาจจะได้วงเงินกู้ที่ไม่สูงมาก โดยต้องทำการต่อรองกันเอง ซึ่งหากเป็นสถาบันการเงินแล้วต้องทำเป็นขั้นตอน ยืดหยุ่นได้น้อย นั่นเอง

สิ่งที่น่าสนใจ

จำนอง กับ ขายฝาก ต่างกันอย่างไร

หลายท่านที่กำลังมีปัญหาเรื่องเงิน อาจจะกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการนำบ้าน ที่ดินไปออกเงินกู้ และคงเคยได้ยินคำว่า จำนอง ขายฝาก กันมาบ้างแล้ว แต่เชื่อได้เลยว่า บางท่านอาจจะยังแยกไม่ออกว่า จำนองกับขายฝากนั้น ต่างกันอย่างไร จำนอง คือ สัญญาซึ่งบุคคลหนึ่ง เรียกว่า ผู้จำนองเอาทรัพย์สินตราไว้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้รับจำนองเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ โดยไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้รับจำนองส่วน “ขายฝาก” คือสัญญาซื้อขายซึ่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินตกไปยังผู้ซื้อ โดยมีข้อตกลงกันว่าผู้ขายอาจไถ่ทรัพย์นั้นคืนได้ภายในเวลาที่กำหนดข้อแตกต่างที่สำคัญของสัญญาจำนองกับสัญญาขายฝาก    จำนอง กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่จำนองไม่โอนไปยังผู้รับจำนอง จึงไม่ต้องมีการส่งมอบทรัพย์ที่จำนองให้ผู้รับจำนอง แต่ “ขายฝาก”

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการจำนำ

การจำนำ คือ การที่บุคคลคนหนึ่งเรียกว่า “ผู้จำนำ” นำสังหาริมทรัพย์ไปส่งมอบให้อยู่ในความครอบครองของบุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า “ผู้รับจำนำ” เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ที่ผู้จำนำเป็นหนี้ผู้รับจำนำ (ป.พ.พ. มาตรา 747) ทรัพย์สินที่จะใช้การจำนำได้ ทรัพย์สินที่จะใช้จำนำได้แก่ “สังหาริมทรัพย์” ทุกชนิด “สังหาริมทรัพย์” ได้แก่ ทรัพย์สินทั้งหลายซึ่งอาจเคลื่อนจากที่หนึ่งไปแห่งอื่นได้เช่น รถยนต์, นาฬิกา , แหวน , สร้อย ฯลฯ สิทธิของผู้รับจำนำ

ขั้นตอนการขายฝากที่ดิน

การขายฝากการขายฝากสามารถทำได้ โฉนดไม่ติดภาระ ส่วนโฉนดติดภาระธนาคาร โฉนดติดภาระบุคคล สามารถทำได้ โดยพิจารณา จากมลูค่าทรัพย์ ขั้นตอนการขายฝาก ไปดูที่ดิน หรือหลักทรัพย์ของลูกค้าที่ต้องการขายฝาก เมื่อตกลงราคาที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว ไปทำสัญญาที่กรมที่ดิน เมื่อทำสัญญาที่กรมที่ดินเรียบร้อยแล้ว ลูกค้าจะ ได้รับเงินสดทันที ดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปีตามกฎหมาย หรือแล้วแต่ตกลง ลูกหนี้ต้อง จ่ายดอกเบี้ยทุกเดือนจนครบกำหนดไถ่ถอน พอครบสัญญา สามารถไปไถ่ถอนได้ที่กรมที่ดิน เอกสารที่ต้องใช้ โฉนดตัวจริง

การโอนหนี้ดีจริงหรือ?

คุณกำลังประสบปัญหา มีภาระหนี้เพิ่มสูงขึ้น ในแต่ละวันหรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นหนี้ บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อบุคคล ธนาคาร หรือสถาบันการเงินต่างๆ ดอกเบี้ยทบสูงขึ้นจนจ่ายไม่ไหวแล้วใช่หรือไม่ ดอกเบี้ยทบต้นทบดอกจนสูงกว่าเงินต้นจริงๆ แล้วใช่ไหมการโอนหนี้ หรือที่เรียกกันว่าการรีไฟแนนซ์คือทางออกของคุณแน่นอนค่ะ การโอนหนี้ดียังไง? ข้อควรระวังก่อนการทำการโอนหนี้ เมื่อคิดว่าภาระหนี้ที่มีตอนนี้คุณแบกรับไว้ไม่ไหว ควรรีบตื่นตัวแล้วหาช่องทางเพื่อปรับโครงสร้างหนี้โดยเร็ว ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นดินพอกหางหมู ไม่สามารถจัดการกับยอดหนี้ได้ ทำให้ประวัติทางการเงินของท่านเสียหายได้ด้วย เพราะฉะนั้นการโอนหนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ที่อาจจะช่วยให้คุณแก้ปัญหาได้ ทำให้บางเบาลงได้ หากสนใจทำการโอนหนี้